ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Productive ตอน 2

Productive ตอน 2

ว่าด้วยเรื่อง productive ตอน 2
ความจริงเรื่องนี้มีให้อ่านเยอะมากกกกก
เยอะพอๆหรือมากกว่าหนังสือทำยังไงให้เรียนเก่ง
ซึ่งอ่านเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เก่งกันสักที แฮะๆ
.
ที่เค้าเขียนหรือพูดไว้ได้เป็นแค่แนวทางเท่านั้น
รีวิวฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวอันนี้
ก็เพียงโพสรวบรวมแนวทางที่เจอๆมา
ร่วมกับแชร์ประสบการณ์ที่ตัวเองเอามาปรับใช้
.
เริ่มจากสิ่งที่คนอื่นเขียน
แนะนำลองดูตาม list นี้ครัช
  •     podcast super productive ของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ บางส่วนอาจจะออกแนวธุรกิจหรือคนวัยทำงานไปหน่อย แต่ นร นศ ก็พอปรับใช้ได้ครัช
  • หนังสือกินกบตัวนั้นซะ ถ้าขี้เกียจอ่านทั้งเล่ม  ก็เปิดอ่านสรุปหน้าท้ายๆได้เลย  แต่อาจจะพลาดฟิลลิ่งและเหตุผลหลายๆอย่างไป
  • หนังสือ 7 habit ความจริงส่วนสำคัญของเล่มนี้  คุณรวิศก็พูดไว้ใน podcast แล้วหล่ะ
  • ปัญญาวิชาชีวิต managing oneself ไม่ใช่หนังสือที่บอกวิธีให้ productive หรอก แต่เป็นหนังสือที่ชวนให้ถามตัวเอง และชวนให้รู้จักตัวเองเสียมากกว่า
.
เเละเพราะการรู้จักตัวเองนี่หล่ะ
ที่ทำให้รู้ว่าวันๆนึงเราทำอะไร ไปเพื่ออะไร
และเพื่อที่จะได้อะไรสักอย่างมา
เราต้องจัดการชีวิตยังไง
.
ซึ่งความ productive ที่พูดกันฮิตติดปาก
สุดท้ายแล้วก็เพื่อเป้าหมายในแต่ละช่วงชีวิตนั่นเอง
.
ถ้ารู้ว่าต้องทำอะไร เพื่อให้ได้อะไรมา
นั่นดีแล้วฮ่ะ
.
แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าทำอะไร ไปเพื่ออะไร
ก็ลองทบทวน ลองถามตัวเองดูสักหน่อย
.
มันอาจจะเป็นเรื่องที่คนวัย 30 หรือ 40 ขึ้นไป
ไม่ต้องคิด ต้องถามอะไรมากมาย
เพราะใช้เวลารู้จักกับตัวเอง และผ่านโลก
ผ่านประสบการณ์มาเท่าตัวเลขของอายุ
.
แต่สำหรับวัยแห่งการตัดสินใจ
วัยหัวเลี้ยวตัวต่อ
ก็มีแต่จะพบความลังเลสงสัยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เงินมั้ยคือคำตอบ
เที่ยวหรือเปล่า
ทำงานเพื่ออะไรกันแน่
.
ไม่มีใครตอบได้ฮ่ะ
ทั้งหมดนี้คงต้องถามใจตัวเอง
ตอบตัวเอง ตัดสินใจเอง
ทั้งที่ครึ่งหนึ่งของใจก็อาจจะลังเลอยู่ดี
 
เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2019  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 0

  Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 0 จากโพสก่อนที่เล่าถึงเส้นทางการวิจัยมะเร็ง ที่เริ่มเรื่องมาตั้งแต่ ม.5 - ป.เอก ตอนที่ 0 นี้คือเรื่องความสะเปะสะปะ กว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัยและวิทยาศาสตร์ . เรื่องมันเริ่มมาจากโจทย์แค่ว่า ทำไมยายถึงต้องตายเพราะมะเร็ง ทำไมหมอช่วยยายไม่ได้ ถ้ามีทางดีดีที่ยายไม่ตาย เราก็คงไม่ต้องมานั่งร้องอยู่อย่างนี้ นั่นหล่ะความคิดเด็ก ม.2 . ตอนนั้นก็กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือต้องเป็นหมอศัลย์นะ? หรือว่าต้องโภชนาการต้านมะเร็ง? หรือว่าต้องแบบหมอสมหมาย ทองประเสริฐ? สิงซีเอ็ดบุ๊คสุดๆ อ่านฟรีบ้าง ซื้อบ้าง (มัน 18 ปีก่อน เน็ตยังไม่แพร่หลาย 555) . พ่อกับแม่ก็พยายามสนับสนุนนะ คือเค้าจะเป็นสายแบบเป็นแบ็ค จะไม่ชี้นำ แต่ถ้าดีดจะไปทางไหน จะช่วยดัน มันหรือถีบนะไม่แน่ใจ . ช่วง ม.2 แม่ก็พาไปเจอรุ่นพี่ที่ทำงานเก่าของแม่ คุณลุง ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ที่มาบรรยายเกี่ยวกับงานวิจัยอะไรสักอย่าง จำได้เลยว่าใส่ชุดยุวกาชาด ไปนั่งฟังบรรยายซึ่งก็น่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย แล้วก็ไปทานข้าวต่อกับวิทยากร ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลยว่าคุยอะไร จำได้อย่างเดียวคือ งานวิจัยนี่ดูเป็นอะไรที่เป็นเห...

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 1

  Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 1   อยากบันทึกเรื่องราววิทยาศาสตร์ตอนวัยเด็กไว้สักหน่อย เป็นเรื่องราวที่อยากบันทึกไว้อ่านเอง ที่จริงควรจะเขียนตั้งแต่เหตุการณ์จบลงใหม่ๆ เพราะความรู้สึกจะยังคงสดใหม่ ภาษาก็อาจจะยังขำๆ กลับมาอ่านก็คงจะอมยิ้มไปอีกแบบ แต่บันทึกตอนนี้ก็ไม่สาย เพราะไม่รู้ว่าต่อไปวิทยาศาสตร์และงานวิจัย จะยังสดใสน่าตื่นเต้นเหมือนที่คิดตอนเด็กมั้ย งั้นรีบเขียนเลยแล้วกัน . บันทึกนี้คือบันทึกความรู้สึกที่อยู่ในใจ ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน บางส่วนอาจจะเกี่ยวข้องกับการเมืองยุคปัจจุบัน แต่ถ้าเสพด้วยใจที่เป็นกลาง เป็นเหตุเป็นผล เข้าใจบริบทของสังคม เวลา และเข้าใจว่าทั้งหมดคือเรื่องราววิทยาศาสตร์ไม่ใช่การเมือง เรื่องเล่าทั้งหมดจะไม่ชวนให้ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ขอใช้ภาษาตามประสาเด็กๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหล่ะกัน . ชอบวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก แต่เรียนไม่ค่อยเก่งหรอก ชอบเล่นมากกว่า ทำของเล่นกับพ่อ หรือวุ่นวายกับสีดอกไม้หลังบ้านที่เอามาเล่นกับกรดเบส . จนหลังจากที่ยายเสียชีวิตเพราะมะเร็ง ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมหมอช่วยยายไม่ได้ ก็คิดนะว่าการแพทย์เป็นทางหนึ่ง แต่อาจจะมีทางที่ดีกว่า เขียนๆ...

Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 6

 Namthip x งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 6   ตอนนี้ที่รอคอยยยย ว่าด้วยเรื่องราวตอนเรียนปริญญาเอก Scientific Lineage และ Mentor . จากเรื่องราวตอนก่อนๆ ตั้งแต่ ม.ต้น จนปี 6 ป ตรี เภสัช ที่ชีวิตว้าวุ่น กับการหาแลปเรียนต่อมากกว่าสอบใบประกอบวิชาชีพ . การเรียนต่อคือการเบี่ยงเข็มไปในทางที่ยิ่งแคบ ยิ่งเฉพาะทาง และแน่นอนเส้นทางอาชีพที่แคบลงไปอีก นี่ทำให้คิดหนักมากว่าเรียนอะไร ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ชอบวิจัยแบบไหนของมะเร็ง เพราะวิจัยมะเร็งนั้นกว้างมากกกกกกกกก . ถึงตรงนี้ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านๆที่ให้โอกาสได้ค้นหาตัวเองว่าชอบวิจัยมะเร็งแบบไหนนะคะ . ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เลยตัดสินใจเรียนปริญญาเอก สาขาเภสัชวิทยา ที่ศิริราช (มันคือ โทควบเอก ถ้าจบ ป ตรีด้วยเกียรตินิยม จะสมัครเรียนแบบนี้ได้เลยไม่ต้องผ่านโท) ซึ่งการเข้าเรียนแบบนี้ก็ถูกนับเป็นนักเรียน ป เอก แต่วิชาเรียนเยอะกว่า . การเรียน ป เอก นั้น จุดสำคัญคือทำวิจัยล้วนๆ แทบไม่มีอะไรผสม เอาหล่ะวะ สมใจอยาก 55555 อยากร่ำไปด้วยทำแลปไปด้วย สภาพพพพ . คือวิจัยนี่ไม่ได้เหมือนแลปที่เราทำตอนเรียนมัธยม ที่ใสๆกุ๊งกิ๊ง เพราะเป็นการทดสอบกฏหรือทฤษฎี ที่คนทั้งโลกทำมาเ...