คิดถึงโม้เม้นนึงตอนช่วงแข่งจักรยานเยอะๆขึ้นมา
มันไม่ใช่โม้เม้นน่าประทับใจจนชวนให้น่าจดจำ
ในทางตรงกันข้าม มันน่าเจ็บใจจนชวนให้จำต่างหาก
.
งานแข่งนั้นเป็นงานที่
ระยะทางสั้นที่สุดแค่ 40 กว่า กม.
เส้นทางที่คุ้นเคยที่สุด เพราะเป็นเส้นที่ใช้ซ้อม
จำได้กระทั่งว่าตรงไหนพื้นถนนไม่ดี
ตรงไหนมีหลุมต้องระวัง
.
เป็นช่วงที่ซ้อมฟิตที่สุด
ตามหลังผู้ชายปั่นถึกๆเร็วๆก็ไม่ค่อยหลุด
.
ปั่นจบรับถ้วยรางวัล แบบงงๆ
และถึงตอนนี้ก็จำไม่ได้หล่ะว่าได้ลำดับที่เท่าไหร่
.
แต่จำได้แม่นว่าตอนแข่ง
การเตรียมตัวที่พร้อมที่สุดเท่าที่จะพร้อมได้ในครั้งนั้น
กลับมีช่วงโหว่ชิ้นโต "ขาเป็นตะคริว"
ถ้าไม่เพลาแรงลงและยืดกล้ามเนื้อมัดนั้น
มันจะยิ่งหนักกว่าเก่า เผลอๆจะต้องจอดระหว่างทาง
แบบนั้นไม่ต้องนับเลยว่าจะติดถ้วยหรือเปล่า
.
ทั้งที่หัวใจกับปอดยังเหลืออีกประมาณนึง
แต่ขามันไปไม่ได้หล่ะ
มันคือจุดอ่อนที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
ครั้งก่อนๆ ก็ปอดหมด หัวใจเกลี้ยงซึ่งก็ปกติ
ครั้งนี้ต่างออกไป...มากโข
มันทำให้คิดหล่ะว่าสนามหน้าจะสนุกอยู่ได้ยังไง
.
หลังจากคุยกับโค้ชอยู่พักนึง
เรียกว่าเม้าออกรสกันทุกสนามน่าจะถูกกว่า
เพื่อว่าความพลาดเดิมๆจะได้ไม่โผล่มาย้ำซ้ำเดิม
.
"รองเท้าคลีท" ก็เลยเป็น item ใหม่
ที่มาพร้อมๆกับความกลัว
เพราะรองเท้าคลีทคือสิ่งที่ยึดเท้าคนปั่นให้ติดกับรถ
ล้มกลิ้งไปพร้อมๆกันทั้งคน รถและรองเท้า
เลยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอๆ
.
กลัวจะใส่คลีทระหว่างทางแล้วไม่เข้า
กลัวบันไดจะหมุนไปคนละทาง
กลัวจะบิดคลีทไม่ออก
กลัวจะล้ม...กลัวไปหมด
.
การปั่นกับ item ใหม่นี้ ต้องทำความรู้จัก
และให้กล้ามขาคุ้นชินกันเป็นการใหญ่
ไม่เช่นนั้นการถีบรถถีบแบบเดิมๆ
กับการปั่นจักรยานแบบมีรองเท้าคลีทช่วยให้ควงบันได
ก็จะไม่แตกต่างกันเลย หากใช้กล้ามเนื้อผิด
.
ถึงจะมีความกลัวอยู่ไม่น้อย
แต่รสชาติของการข้ามข้อจำกัดเดิมๆ
ก็เป็นอะไรที่น่าลิ้มลองอยู่เสมอ
...ตราบใดที่ชีวิตอยู่กับการหิวความท้าทาย
และความพยายามที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดนั้นดูจะมีทางสว่าง
มิใช่ความพยายามที่เสียแรงและย่ำอยู่กับที่
#ActionBike #Kiriwong #ActionDream #คนไข้บ้าพลัง #ทีมหอบหื่น #NamthipPhDstory
มันไม่ใช่โม้เม้นน่าประทับใจจนชวนให้น่าจดจำ
ในทางตรงกันข้าม มันน่าเจ็บใจจนชวนให้จำต่างหาก
.
งานแข่งนั้นเป็นงานที่
ระยะทางสั้นที่สุดแค่ 40 กว่า กม.
เส้นทางที่คุ้นเคยที่สุด เพราะเป็นเส้นที่ใช้ซ้อม
จำได้กระทั่งว่าตรงไหนพื้นถนนไม่ดี
ตรงไหนมีหลุมต้องระวัง
.
เป็นช่วงที่ซ้อมฟิตที่สุด
ตามหลังผู้ชายปั่นถึกๆเร็วๆก็ไม่ค่อยหลุด
.
ปั่นจบรับถ้วยรางวัล แบบงงๆ
และถึงตอนนี้ก็จำไม่ได้หล่ะว่าได้ลำดับที่เท่าไหร่
.
แต่จำได้แม่นว่าตอนแข่ง
การเตรียมตัวที่พร้อมที่สุดเท่าที่จะพร้อมได้ในครั้งนั้น
กลับมีช่วงโหว่ชิ้นโต "ขาเป็นตะคริว"
ถ้าไม่เพลาแรงลงและยืดกล้ามเนื้อมัดนั้น
มันจะยิ่งหนักกว่าเก่า เผลอๆจะต้องจอดระหว่างทาง
แบบนั้นไม่ต้องนับเลยว่าจะติดถ้วยหรือเปล่า
.
ทั้งที่หัวใจกับปอดยังเหลืออีกประมาณนึง
แต่ขามันไปไม่ได้หล่ะ
มันคือจุดอ่อนที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
ครั้งก่อนๆ ก็ปอดหมด หัวใจเกลี้ยงซึ่งก็ปกติ
ครั้งนี้ต่างออกไป...มากโข
มันทำให้คิดหล่ะว่าสนามหน้าจะสนุกอยู่ได้ยังไง
.
หลังจากคุยกับโค้ชอยู่พักนึง
เรียกว่าเม้าออกรสกันทุกสนามน่าจะถูกกว่า
เพื่อว่าความพลาดเดิมๆจะได้ไม่โผล่มาย้ำซ้ำเดิม
.
"รองเท้าคลีท" ก็เลยเป็น item ใหม่
ที่มาพร้อมๆกับความกลัว
เพราะรองเท้าคลีทคือสิ่งที่ยึดเท้าคนปั่นให้ติดกับรถ
ล้มกลิ้งไปพร้อมๆกันทั้งคน รถและรองเท้า
เลยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอๆ
.
กลัวจะใส่คลีทระหว่างทางแล้วไม่เข้า
กลัวบันไดจะหมุนไปคนละทาง
กลัวจะบิดคลีทไม่ออก
กลัวจะล้ม...กลัวไปหมด
.
การปั่นกับ item ใหม่นี้ ต้องทำความรู้จัก
และให้กล้ามขาคุ้นชินกันเป็นการใหญ่
ไม่เช่นนั้นการถีบรถถีบแบบเดิมๆ
กับการปั่นจักรยานแบบมีรองเท้าคลีทช่วยให้ควงบันได
ก็จะไม่แตกต่างกันเลย หากใช้กล้ามเนื้อผิด
.
ถึงจะมีความกลัวอยู่ไม่น้อย
แต่รสชาติของการข้ามข้อจำกัดเดิมๆ
ก็เป็นอะไรที่น่าลิ้มลองอยู่เสมอ
...ตราบใดที่ชีวิตอยู่กับการหิวความท้าทาย
และความพยายามที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดนั้นดูจะมีทางสว่าง
มิใช่ความพยายามที่เสียแรงและย่ำอยู่กับที่
#ActionBike #Kiriwong #ActionDream #คนไข้บ้าพลัง #ทีมหอบหื่น #NamthipPhDstory

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น